ความเป็นมาของ "
บิกินี่ (Bikini) "
"บิกินี่"
เป็นชุดว่ายน้ำสองชิ้นหรือเรียกว่า "ทูพีช"
หากย้อนไปดูประวัติศาสตร์จากโบราณสถานและวัตถุต่างๆแล้วจะพบว่า
ศิลปะยุคจักรวรรดิโรมัน ราว ค.ศ.285-305
มีผู้หญิงราว 10 คนใส่ชุดคล้ายบิกินี่ ในภาพโมเสกของพื้นอาคารวิลล่า
โรมานา เดล คาซาเลในเมืองซิซีลี ประเทศอิตาลี คนรุ่นหลังจึงเรียกผลงานนี้ว่า Bikini Grils นอกจากนี้ นักโบราณคดียังพบ
รูปปั้นเทพเจ้าวินัสใส่ชุดแบบบิกินี่ในเมืองปอมเปอี
คำว่า บิกินี่ เริ่มใช้เรียกชุดทูพีชในปี ค.ศ.1946 โดย หลุยส์
เรอารด์ วิศวกรยานยนต์ชาวฝรั่งเศษ นายคนนี้ช่วยดูกิจการร้านขายรองเท้าของแม่ในกรุงปารีส
และสร้างงานประชันคู่แข่งที่นักออกแบบรุ่นเดียวกันชื่อ ณากส์ ไฮม์ ทั้งเรอารด์และไฮม์ต่างแข่งกันออกแบบชุดว่ายน้ำตัวเล็กที่สุดในโล
ไฮม์เรียกผลงานของตัวเองว่า “อะตอม”
พร้อมโฆษณาว่าเป็นชุดอาบน้ำตัวเล็กที่สุดในโลก ส่วนเรอารด์ นำเสอนชุดบิกินี่
เรียกตามชื่อ “บิกินี่ อะ ทอล” การทำการตลาดตอนแรกของเรอารด์
ไม่มีนางแบบกล้าใส่ เรอารด์จึงจ้างสาว มิเชลีน แบร์นาร์ดินี่ นักเต้นเปลือยกาย
มาเป็นนางแบบและเปิดตัวในวันที่ 5 ก.ค. 1946 ในงานแฟชั่นริมสระที่กรุงปารีส
ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ฮืฮา ถูกใจหนุ่มๆเป็นอย่างยิ่งจึงทำให้
ชุดบิกินี่แจ้งเกิดในเวลาเดียวกัน
ในปี ค.ศ.1913 เริ่มมีชุดทูพีชในมหกรรมโฮลิมปิก ออกแบบโดย
คาร์ลแจนเซน ชิ้นหนึ่งเป็นกางเกงขาสั้น และอีกชิ้นหนึ่งเป็นเสื้อแขนกุด ต่อมาการออกแบบบิกินี่เริ่มหลากหลายและเผยหุ่นมากขึ้น
พร้อมกับเป็นแฟชั่น ในวงการฮอลลีวู้ด จนถึงช่วงต้นยุคทศวรรษ 1940 สาวๆต่างใส่บิกินี่ตามชายหาดอย่างแพร่หลายและยาวมาจนถึงปัจจุบัน
บิกินี่ได้รับความนิยมเรื่อยามาในโลกตะวันตก
รวมถึงประเทศเสรีในเอเชีย
แต่ไม่ใช้ผู้หญิงทุกกลุ่มในโลกจะนิยมชมชอบ
เพราะนอกจากจะมีเรื่องวัฒนธรรมแล้ว สาวๆที่ใส่บิกินี่ยังต้องหุ่นดีอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น